วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

The Grandmasters ยอดปรมาจารย์ยิปมัน

ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบดูหนังบู๊ เพราะดูหนังบู๊ทีไรรู้สึกเหมือนจะหลับ ฟังเสียงตุ้บ ตั้บ พลั่ก ผั๊วะ ทั้งหลายทั้งมวลแล้วราวกับเสียงกล่อมนอนจริงๆ หรือท่านแม่จะเลี้ยงดูเราด้วยลำแข้ง แต่สำหรับเรื่อง 'The Grandmasters' หรือชื่อภาษาไทย 'ยอดปรมาจารย์ยิปมัน' จัดว่าเป็นหนังชีวประวัติที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว



เนื้อเรื่อง จาก Wikipediaฝ่อซาน ในปี ค.ศ. 1936 ยิปมัน ในวัย 40 ปี ในฐานะตัวแทนของกังฟูแดนใต้ ได้ประลองฝีมือกับสุดยอดกังฟูแดนเหนือ โดย อาจารย์กง ผู้เป็นปรมาจารย์ของ 64 ฝ่ามือสกุลกง ยิปมันสามารถเอาชนะได้ด้วยการหักชิ้นแป้งในมือของอาจารย์กง อาจารย์กงมีบุตรสาวเพียงคนเดียว คือ คุณหนูกง หรือกงเอ๋อ ผู้ซึ่งสืบทอดวิชา 64 ฝ่ามือสกุลกง กงเอ๋อ และยิปมันได้ประลองกันในหอทองคำ ซึ่งเป็นโรงน้ำชามีชื่อของฝ่อซาน ทั้งคู่ไม่อาจรู้แพ้ชนะกันได้

จนกระทั่งสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง อุบัติขึ้น กองทัพญี่ปุ่นได้บุกยึดฝ่อซาน ท่ามกลางความแร้นแค้น บุตรชายหญิงของยิปมันก็ได้ถึงแก่กรรมลง ในระหว่างนี้ หม่าชัน ศิษย์เอกของอาจารย์กง ได้ทรยศด้วยการสังหารอาจารย์กง แล้วไปสวามิภักดิ์ต่อญี่ปุ่น กงเอ๋อสาบานว่าจะแก้แค้นให้ผู้เป็นพ่อ ด้วยการไม่แต่งงาน และฝึกฝนวิชา 64 ฝ่ามือสกุลกง
จนกระทั่งหลังสงคราม ในปี ค.ศ. 1950 ยิปมันได้จากฝ่อซานไปอย่างไม่หวนกลับมาอีก โดยการไปบุกเบิกโรงเรียนสอนหย่งชุนที่ฮ่องกง ที่นั่นยิปมันได้พบกับกงเอ๋ออีกครั้ง ในคืนวันตรุษจีนของปี ค.ศ. 1940 กงเอ๋อได้ประลองกับหม่าชัน และล้างแค้นให้พ่อของตนได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายที่บาดเจ็บของเธอทำให้เธอมิอาจฝึกกังฟูได้อีก และต้องใช้ฝิ่นบำบัดอาการเจ็บปวด ไม่นานก็เสียชีวิตลง พร้อมกับมอบของที่ระลึกของตนพร้อมกับความในใจให้แก่ยิปมัน

เนื้อเรื่องดำเนินมาจนถึงปี ค.ศ. 1972 ที่ยิปมันเสียชีวิตลง เพราะยิปมัน กังฟูแบบหย่งชุนจึงได้รุ่งเรืองและแพร่หลายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก



           ยิปมัน คือปรมาจารย์มวยกังฟูแบบหย่งชุน (มวยที่เน้นการป้องกันตัวและจู่โจมในระยะสั้น เหมาะกับสรีระของผู้หญิง) และยังเป็นอาจารย์ของ บรูซ ลี นักแสดงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

           ชีวประวัติของยิปมัน ได้ถูกถ่ายทอดเป็นหนังที่มีความยาวประมาณ 130 นาที ตัวภาพก็ทำออกมาได้สวย มีการคุมโทนสีโดยรวมด้วยสีเหลืองทองในฤดูใบไม้ผลิ และสีโทนเย็นในฤดูหนาว แต่ละฤดูก็สื่อนัยถึงอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้นด้วย ฤดูใบไม้ผลิคือช่วงที่ชีวิตยังรุ่งโรจน์ ส่วนฤดูหนาวคือช่วงหลังจากสงครามและชีวิตเริ่มตกต่ำลง



           ในเรื่อง มุมกล้องแบบ eye-level shot หรือมุมมองระดับสายตา จะเห็นมากที่สุดโดยเฉพาะตอนช่วงที่้กล้องมีการโคลสอัพใบหน้าตัวละครเพื่อให้เห็นการแสดงสีหน้าที่ชัดเจน ฉากต่อสู้มักจะเป็นแบบ high angle หรือ bird's eye view เป็นหลัก เพื่อให้เห็นท่วงท่าการต่อสู้ได้ง่าย ฉากต่อสู้ของหนังเรื่องนี้จะดูแข็งแกร่ง นุ่มนวล และลื่นไหล ไม่ติดขัด อีกทั้งเสียงประกอบยังช่วยเพิ่มความรู้สึกในการชมเป็นอย่างมาก ทั้งดนตรีประกอบ ทั้งเสียงตอนต่อสู้กัน มีการคุมรายละเอียดไปจนถึงเสียงสะบัดของเนื้อผ้า ถึงแม้จะเป็นรายละเอียดน้อยๆ แต่เมื่อมารวมกันในฉากต่อสู้แล้วก็สามารถทำให้ฉากนั้นดูยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ทันที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น